อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หว้ากอ...ดินแดนแห่งนี้นับเป็นอนุสรณ์สถานที่ได้จารึกพระนาม คิงมงกุฎ ไว้ในหน้า ประวัติศาสตร์ให้โด่งดังปรากฏไปทั่วโลก และนำพระเกียรติยศเกียรติประวัติมาสู่ประเทศไทย นำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนชาวไทยตราบทุกวันนี้ โดยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช เพื่อทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน ซึ่งคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปีว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันอังคาร เดือน 9 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 1230 ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม 2411 โดยเส้นศูนย์ของอุปราคา จะผ่านมาใกล้ที่สุด ณ บ้านหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในพระราชอาณาจักรสยาม ทางฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ตรงเส้นวิตถันดร (แลตติดจูต) 11 องศา 38 ลิปดาทิศเหนือ และเส้นทีรฆันดร (ลองติดจูต) 99 องศา 39 ลิปดาทิศตะวันออก โดยคราสเริ่มจับเวลา
10 นาฬิกา 4 นาที จับเต็มดวง เวลา 11 นาฬิกา 36 นาที 20 วินาที กินเวลานาน 6 นาที
45 วินาที คลายคราสออกเวลา 13 นาฬิกา 37 นาที 45 วินาที ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานการคำนวณจากประเทศตะวันตกมาก่อนหน้านี้
ในระหว่างนั้นประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างก็เฝ้ารอวันพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาที่หว้ากอ เมื่อใกล้ถึงวัน ทรงโปรดให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์มาสร้างค่ายไว้ล่วงหน้า และพระองค์ได้ใช้ค่ายนี้เป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์กลางแจ้ง เพื่อเป็นที่ชุมนุมของ
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกและคณะฑูตานุทูตประเทศต่างๆ แล้วก็เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงตามที่พระองค์ทรงคำนวณ โดยไม่คลาดเคลื่อน พระราชกรณียกิจในครั้งนั้นทำให้พระเกียรติยศระบือไกล บรรดาแขกต่างประเทศจำนวนมากได้รับทราบถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่มีไม่แพ้ชาติใด ทั้งๆที่ยังขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ พระเกียรติคุณในด้านวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับและปรากฏเด่นชัดแก่บรรดานักปราชญ์ และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก แต่ประชาชนชาวไทยก็ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพได้เพียง 5 วัน ก็ทรงประชวรและเสด็จสวรรคตด้วยไข้มาเลเรีย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2411 นั่นเอง
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระองค์และวันสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้น
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ และในวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามสถานที่แห่งนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งขึ้นเป็นสถานศึกษาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2536 ปัจจุบันสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"
|
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ริมอ่าวหว้ากอ ในตำบลคลองวาฬห่างจากตัวเมืองประจวบฯ ไปทางทิศใต้ราว 12 กิโลเมตร มีอาณาเขตรวมเนื้อที่ 485 ไร่ 1 งาน 56.2 ตารางวา พื้นที่ด้านตะวันออกถูกขนาบด้วยทะเลฝั่งอ่าวไทย มีทิวสนทะเลขึ้นตลอดแนวชายหาด สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบ ดินร่วนปนทราย สภาพภูมิอากาศแบ่งเป็น 3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน และฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม - มกราคม ในอดีต หว้ากอ เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลคลองวาฬซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้ทรงคำนวณไว้ว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่นี่ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 ทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรสุริยุปราคา ณ ที่แห่งนี้พร้อมพระราชโอรส พระราชธิดา ข้าราชบริพาร ตลอดจนทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าให้ชาวต่างประเทศได้มีโอกาสร่วมชมปรากฎการณ์ครั้งนี้ด้วย ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวรด้วยไข้มาเลเรียและเสด็จสวรรคตอันเนื่องมาจากเสด็จหว้ากอในครั้งนั้น และแล้วค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ ณ บ้านหว้ากอ ก็ถูกลืมและทิ้งให้ปรักหักพังไปตามสภาพ
ต่อมาในปี พ.ศ.2536 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษา เพื่อเทิดพระเกียรติองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสนองนโยบายการกระจายโอกาสในการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีดาราศาสตร์ อวกาศ และสิ่งแวดล้อม แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วประเทศ
|
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ และแหล่ง ความรู้เชิงวิชาการที่เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.00 น. ค่าเข้าชมนิทรรศการ ผู้ใหญ่คน ละ 30 บาท เด็กคนละ 20บาท ( สูงไม่เกิน 120 ซม. )
*ยกเว้นพระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ โดยสามารถเข้าชม ได้ตามอัธยาศัย
จุดท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดได้แก่
1. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวิทยาศาสตร์ พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดตั้งขึ้นตามแผนหลักของโครงการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านรวิทยาศาสตร์ทางทะเล ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อม สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการศึกษาด้วยตนเองจากนิทรรศการและกิจกรรมหลายๆ รูปแบบที่ให้ทั้งสาระความรู้และความเพลิดเพลินด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมและสัมผัสได้ และนำไปสู่การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ต่อการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ต่อไป
อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก่อสร้างในปี พ.ศ. 2542 – 2544 และสร้างเสร็จในเดือนมีนาคม 2545 ด้วยเงินงบประมาณจำนวน 163,230,000 บาท ซึ่งได้มีโครงการจัดสร้างนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในปี 2546 – 2547 โดยมีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดประมาณ 3,600 ตารางเมตร ใช้งบประมาณ 32,170,800 บาท ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่หลากหลายสมจริงตามระบบนิเวศของแหล่งน้ำ มีสื่อบรรยายความรู้ไว้บริการ ผู้ชมสามารถศึกษาหาความรู้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้เกี่ยวกับนิเวศวิทยาของแหล่งน้ำต่างๆ ทั้งแหล่งน้ำจืด แหล่งน้ำกร่อย และทะเล
2. พระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ประทับนั่งบนพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จมายังหว้ากอ มีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ด้านชายทะเล โดยสร้างขึ้นในบริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของค่ายหลวง
เมื่อครั้งพระองค์ได้เสด็จทอดพระเนตรการเกิดสุริยุปราคาพร้อมด้วยนัก ดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและฑูตานุฑูตชาวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2411 ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 14 กันยายน 2525
3. อาคารดาราศาสตร์ และอวกาศ
เป็นอาคารแฝด 3 หลัง ประกอบด้วยอาคารพันทิวาทิตย์ อาคารพันพินิตจันทรา อาคารดาราทัศนีย์ โดยมี 2 ชั้น และมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกัน โดยบริเวณด้านหน้าสร้างเลียนแบบหอดูดาวชัชวาลเวียงชัย จังหวัดเพชรบุรี มีความสูงประมาณตึก 7 ชั้น ชั้นบนมีจุดชมวิว ภายในจัดแสดงนิทรรศการทางด้านดาราศาสตร์ อวกาศ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตลอดจนนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระอัจฉริยภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
4. สวนผีเสื้อ
พบกับผีเสื้อพันธุ์พื้นเมืองนานาชนิด ในสวนสวยและศึกษาวงจรชีวิตของผีเสื้อ ตั้งแต่ไข่-หนอน-ดักแด้-ตัวเต็มวัย สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติอันรื่นรมย์ หลบมุมนั่งพักผ่อนเพื่อชมน้ำตกและฝูงปลาแหวกว่าย