วนอุทยานปราณบุรี
วนอุทยานปราณบุรี ป่าโกงกาง 100 ปีวนอุทยานปราณบุรี ชมความงามป่าโกงกาง 100 ปีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ความงามของธรรมชาติป่าชายเลนและป่าโกงกางอายุกว่า 100 ปี ในดินแดนแห่งความสุขที่เขียวขจีด้วยพันธุ์ไม้และให้พร้อมให้ความสดชื่นแก่ผู้มาเยือนตลอดเวลา ณ วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ วนอุทยานปราณบุรี เกิดขึ้นจาก เมื่อปี พ.ศ.2517 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จเยี่ยม หมู่บ้านปากน้ำปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และทอดพระเนตรเห็นต้นโกงกางซึ่งชาวบ้านนิยมนำมาเผาถ่าน ทำให้ทรงมีความสนพระราชหฤทัย ในการที่จะสนับสนุนการปลูกพันธุ์ไม้บริเวณชายทะเลปากน้ำปราณบุรี กรมป่าไม้ จึงได้จัดตั้งเป็นโครงการพิเศษขึ้น โดยการกำหนดเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองเก่าและป่าคลองคอย เนื้อที่ 1,984 ไร่ จากนั้นในปี พ.ศ.2525 ได้มีการจัดตั้งเป็นที่นี่เป็นวนอุทยาน “โครงการทัศนศึกษาเส้นทาง ชิลล์เอาท์ @ ประจวบฯ” ที่จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ การเยี่ยมชมวนอุทยานปราณบุรีครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยการเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้ป่าชายเลนนานาพันธุ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบอกว่าป่าชายเลนที่นี่เป็นป่าเก่าซึ่งมีอายุหลายสิบปี ทำให้ดูเขียวขจีและชุ่มชื่นกว่าป่าชายเลนปลูกใหม่ อีกทั้งยังมีมีสัตว์ป่าหายาก เช่น เลียงผา กวาง เก้ง นกยูง จะอยู่บริเวณด้านหลังภูเขา ไม่ไกลจากบ้านพักของวนอุทยานปราณบุรีมากนัก ตลอดระยะเวลาประมาณ 45 นาที ที่ได้เดินชมพร้อมรับฟังข้อมูล เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนในพื้นที่วนอุทยานปราณบุรีเส้นนี้ ทำให้รับรู้ได้ว่าถึงจะเป็นพื้นที่ป่าชายเลนไม่ต่างจากที่อื่น แต่จุดเด่นของป่าชายเลยผืนนี้อยู่ที่ความร่วมรื่นและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่สามารถพบเห็นได้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ปูก้ามดาบหลากสี ปลาตีน ฯลฯ จุดที่ถูกใจผมที่สุดคงต้องยกให้ทุ่งโปรงทอง พันธุ์ไม้งดงามที่สวยอร่ามเป็นสีทอง ถึงจะมีไม่เยอะเหมือนที่ จ.ระยอง แต่ทุ่งโปรงทองของที่นี่ก็มีเสน่ห์และงดงามไม่แพ้กัน เชื่อได้เลยว่าจะต้องเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่หลายคนประทับใจ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เดินชมและศึกษาเส้นทางป่าชายเลนแล้ว วนอุทยานปราณบุรียังมีบริการล่องเรือตามแม่น้ำเพื่อชมป่าชายเลน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การพาไปชมป่าโกงกาง 100 ปี ที่ชาวบ้านได้อนุรักษ์ไว้ ซึ่งเรือที่มาให้บริการจะเป็นของชาวบ้านที่จัดตั้งเป็นชมรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เพื่อเป็นการสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้กับชุมชน คิดค่าบริการรอบละ 400 บาท เรือนั่งได้ประมาณ 8 คน ใช้เวลาชมต่อรอรวมเวลาไปกลับประมาณ 40 นาที เดินทางไปชมป่าโกงกาง 100 ปี โดยการนั่งเรือจากบริเวณหน้าชายหาด ของวนอุทยานปราณบุรี เพราะน้ำในลำคลองที่ปกติใช้เป็นเส้นทางล่องเรืออยู่ในช่วงน้ำลง เรือค่อยๆล่องจากหน้าชายหาดออกสู่ทะเลมาเข้าที่ปากแม่น้ำปราณ ซึ่งตลอดเส้นทางเราจะได้ชมวิถีชีวิตชุมชนชาวประมง ที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือไม่ว่าจะเป็นการกิน นอน หรือทำงาน และยังได้เห็นเรือรูปแบบต่างๆซึ่งเป็นพาหนะคู่ใจของชาวประมง โดยบางลำมีราคาหลักสิบล้าน นั่งเรือชมวิถีชีวิตริมฝั่งน้ำพร้อมรับลมเย็นๆมาประมาณ 15นาที ก็จะถึงจุดหมายที่ท่าเทียบเรือแห่งหนึ่ง เดินขึ้นจากท่าเทียบเรือก็จะเจอกับทางเข้าสู่ป่าโกงกาง 100 ปีซึ่งเป็นลักษณะการเจาะกำแพงเข้าไป ซึ่งพื้นที่นี้ยังขาดการดูแลที่ดี ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว อาจเป็นเพราะงบประมาณที่ยังเข้ามาไม่ถึง แต่ด้วยความอัศจรรย์และความงดงามมองดูลึกลับน่าค้นหา ทำให้ป่าโกงกาง 100 ปี สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ โดยเฉพาะขาลุยต้องถูกใจกับเส้นทางปีนป่ายไปตามรากไม้ขนาดใหญ่ ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางป่าโกงกางยักษ์ เสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในป่าพิศวงตามนิทานเสริมจินตนาการต่างๆ วนอุทยานปราณบุรีตั้งอยู่ที่ อ. ปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางจาก อ.หัวหิน ไปตามถนนเพชรเกษมสายเก่า ประมาณ 15 กม. จะเห็นป้ายบอกทาง แยกซ้ายมือเข้าไปวนอุทยานปราณบุรี ระยะทาง 4 กม.
|